ตอนที่5 ร่วมด้วยช่วยกัน






          ภายหลังที่พายุพัดกระหน่ำหมู่บ้านนาดอน หน่วยงานและภาครัฐต่างๆก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน ทั้ง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เครื่องอุปโภคบริโภค และเงิน รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้าน "ขอเชิญชวนทุกคนที่มีจิตใจเมตตาที่จะประสงค์ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยจากพายุ จนเกิดความเสียหายอย่างหนัก สามารถบริจาคข้าวของเครื่องใช้หรือเครื่องอุปโภคบริโภคได้ที่โรงเรียนนาดอนวิทยาคม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ข้อความขอความช่วยเหลือได้แพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์ และเว็บไซต์ข่าวต่างๆ

        "ขอบคุณมากนะคะครูดาว ที่ช่วยกระจายข่าวสารให้ผู้คนได้รับรู้และส่งน้ำใจมาให้เยอะขนาดนี้"  ครูพลอยเอ่ยขอบคุณและยิ้มให้ฉัน

        “ไม่เป็นไรค่ะครูพลอย ที่แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของฉันแหละค่ะ”  ฉันยิ้มให้ครูพลอยอย่างจริงใจ 

        หลังจากที่มีผู้ใจบุญให้ความช่วยมาจนเพียงพอแล้วคณะครูและนักเรียนในโรงเรียนนาดอนวิทยาคมได้พากันนำข้าวของที่ได้รับบริจาคไปมอบให้กับคนในหมู่บ้านที่ได้รับความเสียจากพายุฝน พร้อมกับช่วยกันร่วมซ่อมแซมบ้านร่วมกับคนในหมู่บ้านทุกคนด้วย ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

       “ครูดาว” ดินร้องเรียกฉันเสียงดัง พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้

       “อะไรของนาย เรียกเสียงดังจนชาวบ้านเขามองแล้วนิ”  ฉันทำหน้าโกรธ

       “ว้าววันนี้ครูมาโหดจัง แค่เรียกก็ทำเป็นโกรธ”  ดินพูดพร้อมกับทำหน้ากวนๆ

       “ครูดาวครับ ไม่อยากมาเป็นลูกสะใภ้แถวนี้หรอครับ”ลุงผู้ใหญ่บ้านร้องแซว

       “ลุงก็ ไม่หรอกค่ะ”

         เวลาผ่านล่วงเลยมาจนถึงเที่ยง ทุกคนต่างก็ไปล้างไม้ล้างมือพร้อมที่จะรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกัน แม่ครัวได้เตรียมกับข้าวไว้ให้กับทุกคนอย่างมากมาย

       “ทำอะไรครับครูดาว”   ดินเดินมาทักฉัน พร้อมกับจานข้าวราดแกง

       “ฉันกำลังแจ้งข่าวสารในเฟสบุ๊คเพื่อที่จะให้ผู้คนที่ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือกันอีก”  ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วพูดกับดิน

       “ผมว่าครู พักแล้วมาทานข้าวเที่ยงเถอะครับ ผมเอามาให้แล้ว”  ดินยื่นจานข้าวราดแกงให้กับฉัน 

       “ขอบใจนะ”

         ผู้คนในหมู่บ้านร่วมกันรับประทานอาหารอย่างมีความสุข บ้างก็ร้องเพลง บ้างก็พูดแซวกันไปเรื่อย นักเรียนก็จับกลุ่มกันรับประทานอาหารทั้งหัวเราะอย่างมีความสุข คณะครูของโรงเรียนก็ร่วมวงกับผู้คนในหมู่บ้านด้วย โดยที่ไม่แยกและถือตนแต่อย่างใด มันทำให้ฉันเห็นเลยว่า ผู้คนที่นี้รักกันและอยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งเลยทีเดียว

       “กินเสร็จแล้ว เราก็ลุยงานกันต่อเถอะนะ เดียวชาวบ้านจะไม่มีที่จะนอนในคืนนี้” เสียงลุงผู้ใหญ่บ้านร้องเรียกขึ้นให้ผู้คนไปทำงาน

       “ผมไปก่อนนะครับครู” ดินพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ฉันก่อนไป

       “ยิ้มนั้น ทำไมนะทำไมเราต้องหัวใจเต้นแรงทุกที” ฉันพึมพร่ำในใจ

       หลังจากที่รับประทานอาหารเที่ยงเสร็จทุกคนก็ต่างหันหน้าเข้าหางานของตนเองที่รับผิดชอบ คณะครูและนักเรียนก็แยกย้ายกันไปช่วยในแต่ละฝ่าย บ้างก็ไปล้างถ้วยช่วยแม่ครัว บ้างก็ไปซ่อมแซมบ้าน เก็บเศษไม้ที่ล้มขวางทาง

       “ขอบคุณมากนะคะครู ที่พากันเข้ามาช่วยเหลือพวกเรา” ป้าเจ้าของบ้านเดินเข้ามาพร้อมกับคำกล่าวขอบคุณ

      “ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า หนูและทุกคนเต็มใจที่จะช่วย เพราะที่นี้เหมือนกับบ้านอีกหลังของหนู หนูรักที่นี้และผู้คนที่นี้ค่ะ”

      “ผู้คนที่นี้รักกันมาก มีอะไรช่วยเหลือกันตลอด คนที่มาอยู่หมู่บ้านนี้ แม้จะต่างถิ่นฐาน พวกเราก็รักและนับถือกันแบบญาติพี่น้อง”     ป้าพูดพร้อมกับอมยิ้มอย่างมีความสุข

      “จริงด้วยค่ะ ตั้งแต่หนูย้ายมาอยู่ที่นี้ แม้ว่าหนูจะปรับตัวไม่ได้ตั้งแต่ตอนแรกที่ย้ายเข้ามา แต่หนูก็รู้สึกว่าที่นี้เป็นที่ที่มีความสุข ผู้คนที่นี้ไม่แล้งน้ำใจ เหมือนกับที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย เต็มไปด้วยสิ่งที่เจริญ แต่แล้งน้ำใจ”

       “ยังไงป้าก็ขอบใจมากนะ” ป้ายิ้มให้ฉันแล้วเดินไปช่วยงานต่อ

         วันนี้แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้ากันมาก แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข  และสิ่งที่ฉันได้ทำในวันนี้มันทำให้ฉันรักที่นี้มากยิ่งขึ้น ทุกคนที่นี้มีน่ารัก มีน้ำใจให้กันและกัน  นักเรียนที่นี้ก็รักครอบครัว แม้จะไม่ได้มีพื้นฐานที่ดีเหมือนกับเด็กในเมืองหลวง แต่เด็กนักเรียนที่นี้ก็มีความประพฤติที่ดี รักที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง รวมทั้งครอบครัวของเด็กนักเรียนก็รักครูทุกคนในโรงเรียน  ให้ความช่วยเหลือ และมอบความรักที่จริงใจให้กับครู วันนี้ฉันได้เห็นแล้วว่าผู้คนในหมู่บ้านนี้รักกัน และมีความสามัคคีกัน





ความคิดเห็น