ตอน 4 เจ้าพายุฝน






         “กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพายุฝนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามายังประเทศไทยของเรา ไทยเราได้รับผลกระทบทุกพื้นที่ ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกคนระมัดระวังพายุลูกนี้ด้วยนะครับ” นักข่าวรายงานความคีบหน้าเรื่องฝนฟ้าอากาศ

        “ว่าแต่วันนี้ก็เมฆครึ้มมากเลย แดดไม่ออกเลยสักนิด” หลังจากที่ฉันดูข่าวในทีวีเสร็จแล้ว ฉันก็ชะโงกหน้าออกไปดูท้องฟ้าริมหน้าตา  ท้องฟ้าวันนี้เศร้าหมองมากเลย ไม่สดใสเหมือนที่ผ่านมา

       เช้าวันจันทร์ฉันเริ่มต้นในการใช้ชีวิตโดยการดูทีวี พร้อมกับเตรียมตัวที่จะเข้าไปสอนนักเรียน วันนี้แม้ท้องฟ้าจะครึ้มฝน แต่ฝนยังไม่ตกลงมาทำให้นักเรียนเดินทางมาเรียนโยไม่ยากลำลากเท่าไร บรรยากาศดีมากชวนให้ทุกคนไม่อยากตื่นขึ้นมาจากที่นอนเลย แต่ทุกคนก็ต้องตื่นขึ้นมา เพื่อที่จะมาทำหน้าที่ของตนเอง

        “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” กิจกรรมหน้าเสาธงเริ่มต้นขึ้นในเวลา 08.00. ครูและนักเรียนทุกคนพร้อมกันยืนตรงเพื่อแสดงความรักชาติ

      เมื่อกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จสิ้นแล้ว ฉันก็มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยไม้ล้อมรอบ และไม้นั้นถูกตกแต่งไปด้วยกระดานดำ กระดาษสีต่างๆทำให้เกิดความสวยงาม พร้อมกับหน้าต่างนับสิบในห้องสี่เหลี่ยมนั้น ในห้องนั้นประกอบไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้วางอย่างเป็นระเบียบ  นักเรียนเริ่มหลั่งไหลเข้ามานั่งในที่ของตนเอง บรรยากาศของการเรียนรู้เริ่มขึ้น

        “นักเรียนทำความเคารพ” หัวหน้าห้องพูดขึ้น

       “สวัสดีครับ”

       “สวัสดีค่ะ”

        “สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน วันนี้เรามาเรียนในคาบของรายวิชาภาษาไทยกันนะคะ” ฉันกล่าวคำทักทายนักเรียนพร้อมกับเริ่มเข้าในกิจกรรมการสอน

            การสอนนักเรียนแต่ละคาบผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงคาบสุดท้าย วันนี้โรงเรียนเลิกเรียนเร็วผิดปกติ เพราะผู้อำนวยการกลัวฝนตกและจะเป็นอุปสรรคในการเดินทางกลับของนักเรียนที่บ้านอยู่ไกล เพราะนักเรียนที่นี้บางคนมาจากหมู่บ้านที่ไกลเป็นสิบกิโลเมตร ซึ่งการเดินทางมาแต่ละครั้งนั้นถ้าผู้ปกครองไม่มาส่งก็ต้องปั่นจักรยานมาเรียนเอง ซึ่งอันตรายมากถ้าฝนตกระหว่างทาง

       “เฮ้อเหนื่อยมากเลย” ฉันนั่งพักใต้ถุนบ้าน และถอนหายใจอย่างหมดแรง

       “ครูปราตี้ ! ” มาวินเรียกอย่างเสียงดัง

       “ว้าย!” ฉันร้องขึ้นอย่างตกใจ

       “ทำอะไรของนายวิน เข้ามาเงียบๆและร้องทักดังๆแบบนี้ ฉันตกใจหมด” ฉันทำหน้าโกรธใส่มาวิน โทษฐานที่มา
ทำให้ฉันตกใจ

       “ขอโทษครับ แค่อยากจะหยอกล้อเล่น” มาวินยิ้มอย่างพอใจและเหมือนจะมีความสุขมากที่แกล้งฉันให้ตกใจ

       “ว่าแต่วันนี้ครูมีอะไรทานหรือยัง ถ้ายังเราไปตลาดกันไหม วันนี้มีตลาดนัดนะ”

       “ยังเลยถ้างั้นเราไปหาซื้ออะไรที่ตลาดนัดกัน ” ฉันพูดพร้อมกับยืนขึ้นเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปตลาดนัด

       ฉันกับมาวินนั่งรถจักรยานยนต์เดินทางมายังตลาดนัด ระหว่างทางฉันลุ้นเสมอว่าฝนจะตกลงมาไหม แต่สุดท้ายฝนก็ยังไม่ตก ฉันกับมาวินมาถึงตลาดนัดพร้อมกับเดินซื้อนู้นนี่จนเต็มมือไปหมด เมื่อซื้อทุกอย่างได้ตามที่ต้องการแล้วเราสองคนก็เดินทางกลับบ้านพัก

         “ผมว่าเรารีบทำกับข้าวเถอะ บรรยากาศแบบนี้ถ้าฝนตก ฟ้าร้องขึ้นมาไฟอาจจะดับได้” มาวินพูดหลังจากที่เราเดินทางมาถึงบ้านพัก

        “จริงด้วย ฉันว่าเรารีบทำเถอะ” ฉันทำหน้าตกใจ พร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า 

        “ผมว่าครูอาบน้ำก่อนเถอะ ผมอาบมาแล้วนะ ถ้าไฟดับจะแย่นะ”

         “งั้นฉันรีบไปอาบน้ำก่อนนะ ฝากนายทำกับข้าวด้วย” ฉันรีบขึ้นบ้านไปหยิบผ้าเสร็จตัว

        “ทุกครั้งผมก็ทำอยู่แล้วนิ” มาวินพูดพร้อมทำหน้าตากวนๆ

         “จ้าคุณพ่อครัว”

         หลังจากที่ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ฉันก็รีบวิ่งเดินลงมายังใต้ถุน แต่ปรากฏว่ากับข้าวถูกเรียงไว้โต๊ะอาหารตรงหน้าฉันแล้ว พร้อมกับมาวินที่ยื่นยิ้มให้กับฉันพร้อมกับทำหน้าตากวนๆ ชังเป็นหน้าตาที่อยากจะโดดสองขาถีบจริงๆ

         “อาบน้ำหรือลงเล่นสระว่ายน้ำครับคุณครูคนสวย นานเป็นชั่วโมงเลย” นั้นไงหน้าตากวนๆ แถมยังปากเสียอีก

         “ยอมค่ะยอม ฉันหิวข้าวแล้ว” ฉันพูดพร้อมกับเดินไปนั่งยังเก้าอี้

       บรรยากาศในการทานอาหารกำลังเต็มไปด้วยความสุข แต่ทันใดนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกลงมา พร้อมกับพายุฝนที่รุ่นแรงพัดเข้ามายังตัวบ้าน จนทำให้หลังคาบ้านพักต้องเปิดออกเล็กน้อย และกระทบกับแผ่นไม้จนทำให้เกิดเสียงที่น่ากลัว

          “ตายแล้วๆ ทำไมพายุฝนมาแรงขนาดนี้” ฉันพูดพร้อมกับตกใจจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

        พายุฝนพัดผ่านไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย ฉันได้ยินเสียงคนในหมู่บ้าน ร้องเรียกกันเสียงดัง  บ้างก็ว่าหลังคาบ้านไปพร้อมกับลมแล้ว บ้างก็ว่าระวังต้นไม้ล้มทับบ้าน เหตุการณ์ต่างๆเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  ผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงฉันต่างก็พากันเข้าไปอยู่ในบ้านกันหมด บ้านไหนที่หลังคาปลิวไปกับลมแล้ว พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านข้างๆ ฉันกับมาวินอยู่ในบ้านพักด้วยกัน พร้อมกับเสียงหลังคาบ้านพักที่กระทบแผ่นไม้ดังสะนั่นทั่วทั้งบ้าน ความกลัวทำให้ฉันนั่งคิดถึงบ้าน และเป็นห่วงนักเรียนทุกคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้    

         “พรุ่งนี้ผมว่าหมู่บ้านคงเกิดความเสียหายมากเลยทีเดียว” มาวินพูดพร้อมกับส่งสายตาเศร้าๆ

         “มันก็จริงของนายนะ น่าสงสารพวกเขาจัง”

         เช้าวันต่อมา พายุฝนเงียบสงัด ทิ้งไว้แต่ร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้น ฉันลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงผู้คนในหมู่บ้านเก็บเศษไม้ เศษสังกะสีหลงคาบ้านกันดังสะนั่น ฉันรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งลงไปยังใต้ถุนบ้าน มองเข้าไปยังหมู่บ้าน  ภาพที่เห็นคือหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยหลังคาที่ห้อยระโยงรยางค์เต็มไปหมด และต้นไม้ที่หักโคลนลงมา มันเป็นภาพที่น่าเวทนาจริงๆ


ความคิดเห็น