นิยายเรื่อง  ครูพันธุ์ใหม่พิกัดหัวใจเต็มร้อย
ตอน 1:  ความฝันของคุณหนูไฮโซ


      พระอาทิตย์ทอแสงสอดส่องมายังห้องสีชมพูน่ารักๆ  พร้อมกับสาดแสงมายังดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ภายในห้อง 
กริ๊ง  กริ๊ง กริ๊ง  เสียงนาฬิกาปลุกที่แสนจะน่ารำคาญเริ่มส่งเสียงร้องให้ฉันต้องตื่น
        “ปาร์ตี้ตื่นหรือยังลูก สายแล้วนะ”  เสียงแม่สุดที่รักของฉันที่มาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุก
        “ตื่นแล้วค่ะแม่” ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย  ถ้าฉันเลือกได้ฉันอยากจะนอนในเตียงนั้นนานๆ เพราะมันมีความสุขเหลือเกิน แต่ความเป็นจริงฉันทำแบบนั้นไม่ได้
        “รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมาทานข้าวนะลูก พ่อกับแม่รออยู่” แม่พูดพร้อมเปิดประตูห้อง
      ฉันรีบอาบน้ำและแต่งตัว เพื่อลงไปรับประทานอาหารพร้อมกับพ่อและแม่  บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารก็เหมือนกับทุกๆวัน  ครอบครัวของเรามีกันแค่สามคน ฉันไม่มีพี่หรือน้อง  คนที่เป็นเพื่อนและเลี้ยงดูฉันทุกอย่างนอกจากแม่ก็คือ แม่พร แม่บ้านที่ทำงานให้กับครอบครัวฉันมาเป็นหลายสิบปี  และเป็นคนที่รู้ใจฉันที่สุด โดยเฉพาะอาหารเช้าของวันนี้
        “นั่งสิลูก วันนี้แม่พรทำข้าวต้มกุ้งที่ลูกชอบด้วยนะ” แม่พูดพร้อมกับหยิบเครื่องปรุงมาให้กับฉัน
        “ขอบคุณนะคะแม่พร ” ฉันยิ้มให้กับแม่พร เหมือนกับตอนเด็กๆที่ฉันนั้นชอบทำ
        “รอยยิ้มของคุณหนูนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะ” แม่พรหัวเราะแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
หลังจากที่แม่พรเดินเข้าในห้องครัว บนโต๊ะอาหารก็มีแค่พ่อ แม่ และฉัน  พ่อกับแม่ของฉันเป็นคนตลก ทุกครั้งในการรับประทานอาหารจึงเต็มไปด้วยความสุข มีทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทุกคนบนโต๊ะอาหาร
        “เอ่อนี่ลูก เรียนจบแล้วคิดไว้หรือหยังว่าจะทำงานอะไร” พ่อถามฉันขณะที่ตักข้าวต้มเข้าในปาก
        “คิดไว้แล้วค่ะพ่อ หนูจะลงสองบรรจุข้าราชการครู เพราะเป็นความฝันของหนู” ฉันพูดและอมยิ้มอย่างมีความสุข
       “อ่อถ้างั้นก็ทำตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จนะลูก พ่อกับแม่เป็นกำลังใจให้” แม่พูดพร้อมกับใช้มือยื่นไปหยิบผลไม้ที่วางอยู่ข้างหน้า
       การสนทนาบนโต๊ะอาหารจบลง ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง แม่เดินไปทำขนมเพื่อใช้เป็นอาหารว่างกับแม่พร ส่วนพ่อเดินเข้าห้องทำงาน แต่สำหรับฉันเดินกลับไปยังห้องนอน เพราะฉันต้องเตรียมตัวในการสอบในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า แต่ที่จริงแล้วฉันเตรียมพร้อมมาตั้งแต่เรียนจบมหาวิทายาลัย ฉันทำทุกอย่าง เช่น อ่านหนังสือทุกวัน เข้าติวในสถาบันต่างๆทั้งของรัฐและของเอกชน 
       “เราต้องสู้ แม้จะเหนื่อย แต่เพื่อความฝันที่ตั้งเอาไว้ เราต้องทำได้ สู้!” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมทำท่าสู้เพื่อให้กำลังใจตัวเอง
      วันเวลาล่วงเลยมาถึงสัปดาห์แห่งการสอบบรรจุข้าราชการครู ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฉันลงสอบในสนามสอบพร้อมกับการแข่งขันกับคนเป็นหมื่น ความหวังแม้มันจะน้อยมาก แต่ถ้าใจเกินร้อยเราก็ไม่กลัว
ณ สนามสอบ มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพมหานคร ผู้คนมากหน้าหลายตาทยอยเข้ามาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้  บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดที่ไกลพอสมควร เพื่อความฝันของตัวเอง ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำในตัวฉัน แต่ฉันก็มีพ่อและแม่ที่คอยปลอบให้กำลังใจ
      “ทำให้ได้นะลูก พ่อกับแม่จะคอยดูความสำเร็จของหนู ” พ่อยิ้มและพูดให้กำลังใจฉัน
       ฉันเดินลงจากรถ HONDA CIVIC ซึ่งเป็นรถที่พ่อกับแม่ซื้อให้ฉันหลังจากที่เรียนจบ แต่วันนี้พ่ออาสาขับให้พร้อมกับตุ๊กตาหน้ารถคนสวย ซึ่งก็คือ แม่ของฉัน
       บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกทาไปด้วยสีขาว  มีเก้าอี้พร้อมเขียนวางเรียงราย อย่างเป็นระเบียบ ความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในห้องเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนที่มีรายชื่อในห้องนี้เริ่มเข้ามานั่งในที่ของตน พร้อมกับความเงียบสงัด ผู้คุมสอบเริ่มแจกข้อสอบและแจ้งกฎระเบียบในการสอบต่างๆ และให้ลงมือทำข้อสอบ  เสียงเปิดกระดาษข้อสอบเริ่มดังขึ้น ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบที่วางอยู่ข้างหน้าของตนเองของตกเองอย่างขะมักเขม้น
สัปดาห์แห่งการสอบผ่านไป  วันเวลาล่วงเลยมาถึงวันประกาศผลสอบ ฉันตื่นแต่เช้าโดยที่ไม่มีเสียงเจ้านาฬิกาปลุกแสนจะน่ารำคาญที่วางบนหัวเตียงนอน ฉันตื่นมาพร้อมกับการจดจ่อที่หน้าคอมพิวเตอร์สีทองยี่หอ
Apple ราคาแพง  เมื่อเวลา 08.00 . ถึงเวลาที่ผลสอบประกาศออกมา หัวใจฉันเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งใช้นิ้วเลื่อนเม้าส์ขึ้นดูรายชื่อไปเรื่อย และแล้วสิ่งที่ทำให้ฉันต้องตกตะลึงก็เกิดขึ้น  หน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏชื่อของฉัน
      “เย้! ฉันทำมันได้แล้ว ฉันทำได้” ฉันกระโดดโลดเต้นไปมา ยังกะลิงได้กินกล้วย พร้อมกับเปิดประตูห้องแล้ววิ่งลงไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งในห้องรับแขกที่รอเวลาในการรับประทานอาหารเช้า
      “แม่คะ พ่อคะ หนูทำสำเร็จแล้ว หนูสอบบรรจุครูได้แล้วค่ะ” ฉันยิ้มและพูดอย่างดีใจจนบอกไม่ถูก
     “เก่งจังลูกของพ่อ” พ่อพูดพร้อมกับยิ้มอย่างภูมิใจ
     “วันนี้เราไปฉลองให้กับลูกกันนะคะคุณ” แม่พูดและยิ้มให้กับพ่อ
     “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” พ่อยืนขึ้นและเดินมาโอบไหล่ของฉัน จากนั้นเราทั้งสามคนก็เดินไปยังโต๊ะอาหาร
     มื้อเช้าเราทุกคนรับประทานอาหารร่วมกันอยู่ที่บ้าน  พอตกตอนค่ำพ่อกับแม่ แม่พร และตัวฉัน ออกเดินทางไปยังร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างชื่อดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ  วันแห่งความสุขเริ่มขึ้น ณ ร้านแห่งนี้  ทุกคนยิ้ม หัวเราะ และภูมิใจในความสำเร็จของฉัน  ฉันรักและภูมิใจที่ได้เกิดมาอยู่ในครอบครัวนี้ เพราะพวกเขาทุกคนเข้าใจและเป็นผู้ที่ให้กำลังใจฉันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องที่ไม่ดี ฉันจะทำสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีพวกเขา  

สาย รัดกร




ความคิดเห็น